วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2560

บันทึกการเดินทางวันหยุด

 บันทึกการเดินทาง

วันนี้วางเดินทางไปทำบุญ ถวายสังฆฑาน ต่อ แถวอยุธยา
การเดินทางมักได้พบเรื่องราวที่ประทับใจเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน

เริ่มจากร้านชากังราวในปั้ม ระหว่างที่จอดแวะปั้ม
ก็เผอิญนั่งรอในรถ ได้ฟังการตลาดจากเจ้านี้โดยบังเอิญ ไอเดียบังเกิดได้แบบไม่น่าเชื่อ
ใครจะรู้ละว่า ไอเดียงานจะมาเกิดได้ในปั้มน้ำมัน

วันนี้ฟ้าดูมืดคลึ้มหน่อย คล้ายว่าฝนจะลงเม็ดแน่ๆ  แต่ก็ไม่มีอะไรหยุดเราจะมาทำบุญได้
ขับไปเรื่อยๆ เข้าวัดแบบไม่มีจุดมุ่งหมายว่าจะเป็นวัดอะไร
พี่อยากได้แบบวัดที่ดูห่างไกล และ ทุรกันดารหน่อย

มาถึงแล้ววัดแรกที่เข้ามาพบเจอ วันจันทาราม


วัดน้ำท่วม หาพระไม่เจอ เลยขับออกต่อ แต่เข้ามาวัดนี้ มีคำถามเกิดขึ้นในหัวทันใดเลย
ถ้าเราต้องเจอปัญหาน้ำท่วมแบบนี้ อย่างเดิมทุกปี  ถ้าต้องอยู่ก็ต้องรับมือ 
เตรียมความพร้อมกับน้ำท่วมแบบนี้  แต่ถ้าอีกทางคือการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเอง
คือ การออกจากปัญหาเหล่านั้น เดินออกมาจากที่ๆอยู่ เพื่อไปเผชิญและเรียนรู้กับที่แห่งใหม่
ก็ไม่แตกต่างกับการใช้ชีวิต  หากสิ่งที่ทำอยู่ต้องเจอปัญหาเดิมๆตลอด  ก็มี 2 ทางเลือก
ถ้าจะอยู่กับปัญหาให้ได้ ก็ต้องเตรียมรับมือกับปัญหาที่ต้องเจอให้ดีขึ้นกว่าเดิม 
หรืออีกทาง คือ ออกจากปัญหา แล้วเลือกทำสิ่งใหม่ๆ ให้กับชีวิตเราได้เรียนรู้ 
เพื่อจะเจออะไรที่ดีกว่าที่เป็นอยู่  มีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น 
คืออยู่กับปัญหาให้ได้ หรือ ออกจากปัญหานั้นไปเลยต่างหากละ 

วัดที่สองที่ไป มีความตื่นเต้นเล็กน้อย ชื่อว่า "วัดใหม่"  ไม่ตื่นเต้นได้ไง 
ชื่อวัดมีตั้งหลายวัด มาเจอวัดชื่อเดียวกับตัวเราเอง บุญพาวาสนาส่งสะแล้ว
ยังไงก็ต้องเข้าไปทำบุญให้ได้  แม้ทางเข้าวัดจะดู มึนๆ งงๆ เล็กน้อย 




ไปถึงก็ต้องเดินลงไป สำรวจดูลู่ทางวัดดูสะก่อน หาที่ถวายสังฆฑาน ก่อนจะมาบอกให้ทุกคนลงไป
ไปวัดนี้ จะเดินขึ้นลงรถนี้ ต้องระวังมาก มีสติในการดูทางสุดๆ เพราะ อุนจิน้องหมาเยอะมาก
เผลอขาดสตินี้ เหยียบมาได้ต้องทำความสะอาดรองเท้ากันพลันเลยละ
มาวัดนี้ หลวงพ่อท่านก็ถามว่า พวกเรามาจากไหนกัน ก็ตอบท่านไปว่ามาจาก กทม. เจ้าค่ะ
เราถวายให้เสร็จ ก็มองหน้ากันว่าจะกลับกันละ  หลวงพ่อเลยบอก ให้เอาที่กรวดน้ำมา
แล้วท่านก็ให้พรพร้อมพรมน้ำมนต์ให้ แล้วเราก็กราบลา และเดินทางไปวัดถัดไป

ระหว่างเดินทางไปวัดนี้ พวกเราเลือกที่จะเข้าทางที่ไม่ใช่ทางปกติ  ดูน่าจะทุรกันดาน
แต่ด้วยความที่เข้าไปลึก นอกจากไม่เจอวัด บ้านคนก็แทบไม่ดี ดูช่างเปล่าเปลี่ยว
ความน่ากลัวเริ่มบังเกิด  เหมือนขับรถคันเดียวอยู่บนทางแคบๆ ห้อมล้อมด้วยทุ่งนา
ที่อุดมไปด้วยน้ำ อาจจะท่วมมิดถนนได้ ถ้ามีฝนลงมา  ยิ่งขับลึก ยิ่งไม่มีผู้คน
เลยตัดสินใจ ออกจากเส้นทางนี้ แล้วไปเส้นทางใหม่  แต่สิ่งที่ได้จากการที่เข้าเส้นทางนี้
คือประสบการณ์และความรู้สึก ภาพสวยๆ สงบๆ ที่มองดูช่างสบายตาเหลือเกิน



ชอบจริงๆ ทางเดินยากๆ ที่คนส่วนใหญ่ ไม่มา แต่สุดท้ายเราก็กลับไป ตามวัดสวยๆบ้าง 
ที่ๆเรามองเห็นก่อนหน้า เลยเข้าไปดู เป็นวัดไผ่ล้อม ดูสวยดี เลยขับเข้าไป น้ำท่วมที่วัดอีกแล้ว


เลยขับออกไปดูพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และเจดีย์ที่สูงสง่า ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด  



ทางเข้าวัดเป็นทางที่ทำถนน ทำร้ายรถพอสมควรเลย เริ่มสงสารน้องเนอร์ละ 
เลยขับออกไปอีกทาง ไปทางหลักอยุธยาแทน จะได้ออกจาก เส้นทางทำถนนเส้นนี้สะหน่อย
ขับไปเรื่อยๆ เจอวัดนี้ ชื่อดูเพราะจัง น่าเข้าไป ก็เลยแวะเข้าไปสักหน่อย
วัดกำแพงแก้ว 



เข้าไปก็ตามเสต็ป ส่งสปายน้อยแบบเราให้เดินไป สำรวจ หาพระ แล้วถามที่ถวายสังฆฑาน 
วัดนี้ดูแล้วน่าจะมีผู้คนมาทำบุญตลอด  คล้ายๆ สมัยเราเรียนตอนมัธยมเลย
หลวงพ่อคิดว่าเราจะเข้าห้องน้ำ เลยบอกท่านไปว่า มาถวายสังฆฑานเจ้าค่ะ
ท่านเลยบอกให้เข้าไปตรงไหน แล้วท่านก็เดินไปด้านใน
เราก็ไปตามพี่ๆ ลงไปทำบุญกัน  ก็ช่วยกันเอาของลงไปถวายสังฆฑาน 
เข้าไปถึงด้านใน  หลวงพ่อก็ให้เรากราบพระ ตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าวคำถวายสังฆฑาน 
แล้วก็ให้เรากรวดน้ำ  ท่านก็พรมน้ำมนต์ตามพิธีการ เสร็จสรรพ  จากนั้นท่านก็สอบถามปกติ
มาจากที่ไหนกัน แล้วก็คุยไปเรื่อยกันอีกสักพัก ก่อนจะกราบลากลับ ท่านก็ให้พระคนละ 1 องค์ 
เป็นที่ระลึก และอวยพรให้พวกเราโชคดี  อิ่มบุญมีความสุข 
ที่วัดนี้มีทั้งอาหารปลา อาหารเต่า แวะมาเที่ยวทำบุญกันได้นะ บรรยากาศก็ดูดีเหมือนกัน 
ก่อนจะออกจากวัดนี้ เราก็ไม่ลืมที่จะหยอดเหรียญใส่ตู้ทำบุญ หลายๆตู้ เล็กๆน้อยๆ 
ที่มีความสุขจากการให้ ในครั้งนี้จัง  

ออกจากวัดนี้ ก็ขับรถเพลินๆ ไปเรื่อยๆ เข้าไปสวนสาธารณธ อุทยาน ท้าวสุรนารี มั่งท่าจำไม่ผิด
ก็ขับรถวนในนี้ บรรยากาศดีมากๆ ไม่ได้ถ่ายภาพมา มั่วแต่ชื่นชมบรรยากาศเพลิน 
ขับเพลินจนเจอตลาด ก็ให้พี่ แวะให้เราลงเดินไปซื้อของให้พี่ๆคนเดียว 
แล้วก็ให้พี่ไปวนรถมารับอีกที เดินหาของกินเพลินตาเลยทีนี้  ของเพี้ยบราคาไม่แพงเลย
ได้ลูกชิ้นกลับมา 10 ไม้ ในราคา 50 บาท ไก่แดง 9 ไม้ พร้อมข้าวเหนียว 2 ห่อ ในราคา 70 บาท 
ขนมอะไรไม่รู้ดูน่ากิน ห่อ 20 บาท  น้ำตาลสด 3 ถุง ราคา 30 บาท แตงโม 2 ลูก ราคา 35 บาท
ซื้อเยอะแยะขนาดนี้ เพิ่งจะ 205 บาทเอง   กินจนจุกท้องเลย อิ่มเกิน 555

ตอนนี้ก็จะเดินทางไป สำนักสงฆ์ไทรย้อย  มีจุดหมาย จะแวะไปเที่ยวชม ทำบุญสะหน่อย 
แต่ยังไม่วาย เจอวัดไหน ก็ขับไปดูเรื่อยๆ วัดไหนดูแล้ว อยากทำก็ทำ  
วัดไหนไม่อยากทำ ก็ขับออก เอาตามความสบายใจของทุกคน จะทำบุญก็ต้องสบายใจ
จิตก็ต้องเป็นกุศลตั้งแต่เริ่มจะทำเน้อ  ก็ได้แวะมาโดยบังเอิญ 

จำชื่อวัดไม่ได้ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้สะด้วยสิ
เข้าวัดนี้ก็ หลวงพ่อก็กล่าวถามด้วยคำถามเดิม มาจากที่ไหนกันละ และทำสังฆฑานในโอกาสอันใด
น่าจะเป็นคำถามปกติ หรือคำกล่าวทักทายได้เลยละ แต่ก็สุขใจแบบเรียบง่าย
กล่าวสนทนากับหลวงพ่อสั้นๆ แล้วก็ทำตามพิธีการถวายสังฆฑานเสร็จสรรพ 
จบด้วยการได้รับพรและพรมน้ำมนต์ พร้อมคำอวยพรดีๆจากหลวงพ่อ 
ก่อนไปด้านหน้ามี ที่ให้สักการะ พระเจ้าตากสิน จึงได้เข้าไปกราบไหว้ เล็กน้อยก่อนเดินทางกลับ

ในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมาย สำนักสงฆ์ไทรย้อย แต่ยังดูงงๆ พร้อมกับฝนฟ้าที่ดูมืดครึ้มมาก 
จึงตัดสินใจเดินไปสำรวจ ครู่นึง แล้วขึ้นลง พี่ก็บึ่งรถออกโดยไว 
แต่ฝนตกหนักมากเลยละ มันมาพร้อมกับพายุ ลมแรงมาก  
อารมณ์ประมาณฟ่าพายุฝนมาเลยละ ทั้งสายฟ้าผ่า ฝนตกหนัก จนขับรถได้ไม่เร็ว 
แต่ละคันต้องขับกันช้ามาก   เพราะลมแรงมากเลย แต่พอผ่านที่อยุธยา ฟ้าก็โปร่งใส 
เหมือนที่นี้จะยังไม่ตกเลยด้วยซ้ำ  พี่พูดขึ้นมาว่า หลังฝ่าพายุหนักย่อมเจอกับทางที่สดใส 
จริงเลย เหมือนชีวิตคนเรานะ ที่ต่อให้เจอกับอุปสรรคสะแค่ไหน ปัญหาหนักมากมายในชีวิต
แต่เมื่อผ่านพ้นกาลเวลาเหล่านั้นไป จะเดินช้าหน่อยในช่วงมีปัญหา หรืออุปสรรค 
แต่พอเดินผ่านมาได้ ก็ได้พบกับแสงสว่างที่รอเราอยู่ด้านหน้าเสมอ 

ช่างเป็นหนึ่งวันที่ฉันมีความสุขจริงๆ  การเดินทางที่คุ้มค่า 
ไม่ใช่สักแต่เดินทาง แต่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับทุกการเดินทาง 
เราจะได้พบกับเรื่องราวดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ที่มีคุณค่าเสมอ 
รักการเดินทางเหลือเกิน  นักเดินทางตัวน้อยๆ ^^

@...Miiez...@