วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2565

บันทึกการเดินทาง อีกก้าวของชีวิต

 บันทึกการเดินทาง อีกก้าวของชีวิต


ผ่านไปแล้ว 3 ปี จากจุดที่ออกมาเริ่มใช้ชีวิตด้วยตัวเอง 

ออกเดินทางตามหา ความหมายของการมีชีวิต 

ออกเดินทางตามหา คุณค่าของการใช้ชีวิต

ออกเดินทางตามหา สิ่งที่อยากจะส่งทิ้งไว้บนโลกใบนี้จนนาทีสุดท้ายของชีวิต


บนโลกใบนี้ หากมองในภาพกว้าง ช่างกว้างใหญ่ไพศาล

ถ้าเราหาจุดยืนในเส้นทางตัวเองไม่เจอ เราจะถูกโลกพัดพาเราไปตามทิศทางของสังคม

จนเราลืม หัวใจและเสียงของตัวเอง ที่มันดังอยู่ข้างใน 


โลกกว้างใหญ่ ที่มาพร้อมกับปัญหาของผู้คน ที่มากด้วยความต้องการสารพัด

เราแค่เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสักหนึ่งเรื่องที่เราชอบ

เราก็สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ แบบมีคุณค่า และมีชีวิตได้แล้ว 


มองตัวเองจากจุดที่เริ่มก้าวออกจากการทิ้งอดีตทุกสิ่ง ละทิ้งความกลัวทุกอย่าง

และใช้ความกล้าและบ้า ที่ออกมาจากเส้นทางเดิมที่เคยเดินทั้งหมด

มาเริ่มทำหลายๆสิ่งที่อยากทำ โดยไร้กรอบและขีดข้อจำกัด 

เพื่อเรียนรู้ในสิ่งภายนอกบ้าน ห้องเรียน มาเรียนรู้ผู้คน และสังคมภายนอก 

โลก Offline ที่ไม่เคยสัมผัสและเรียนรู้ 

เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งได้เห็นข้อจำกัดหลายๆอย่างและข้อดีของ Offline

ผนวกกับข้อดีและข้อเสียของตลาดออนไลน์ที่เคยเรียนรู้มา 


ยังจำปีแรกที่เดินออกมาได้ เริ่มจาก 0 ใหม่อีกครั้ง 

ออกมาเช่าคอนโดเดือนล่ะหลักพัน 

เดือนแรกตั้งเป้าหมายหาค่ารายได้ที่เป็นค่าใช้จ่ายทั้งปีให้ได้ก่อน 

เมื่อทำได้แล้ว เดือนถัดไปก็ค่อยหา Passion ในการที่จะสร้างสิ่งแปลกใหม่ 

ที่เรียกว่าอาชีพของชีวิต ลองไปหลายทาง ลองไปให้สุด 


อันไหนที่ทำแล้วไม่ชอบ ก็แค่เรียนรู้ และถามตัวเองว่าไม่ชอบเพราะอะไร 

ถ้าสำเร็จถึงขีดสุด เห็นภาพปลายทางของสายนั้น เราจะโอเคกับ Status ที่อยู่ไหม

ถ้าคำตอบคือไม่ชอบ แล้วรู้สึกจะต้องอึดอัดมากๆ กับการเป็นตัวเองในเส้นทางนั้น

แล้วจะเดินไปสายนั้นทำไม แค่เพราะ รายได้ดี งั้นหรอ แต่ ความสุขในตัวเองหายไป

บนโลกใบนี้ ไม่ได้มีเส้นทางเดียวให้ประสบความสำเร็จนิ 


ก็แค่มองหาเส้นทางที่เรา สุข สำเร็จ ในแบบที่เราสบายใจดีกว่า

เพราะถ้าเรามีความสุขในทุกๆวัน ที่เรามีลมหายใจอยู่ 

นั่นคือกำไรของการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้แล้วล่ะ 


ส่วนเส้นทางอาชีพที่เรา อยากจะเป็น ก็แค่ทดลองไปเรื่อยๆ 

จนกว่าเราจะเจอว่า อะไรที่เราไม่เคยทิ้งเลย เราสามารถอยู่กับมันได้ทุกวัน 

ให้การทำงานเป็นความสนุก มีความสามารถ มีความพยายามในการหาความรู้เพิ่มเติมได้

นั่นก็คือ สิ่งที่เราชอบที่จะลงมือทำนั่นเอง 


โลกใน 3 ปี ที่ออกมา เชื่อไหม ใช้เงินสำหรับการเริ่มต้นทุกสิ่งน้อยมากๆ 

แต่สิ่งที่ใช้มากกว่า คือ ความสามารถของคน 


สิ่งที่เจอและต้องแก้ปัญหาหลักๆส่วนใหญ่คือเรื่องของคน

จะเจอคนที่มีศักยภาพมากๆ นิสัยดี แต่ แทบไม่มีเวลา 

เพราะยิ่งคนมีความสามารถ ก็จะเป็นที่ต้องการของทุกคน

จะเจอคนที่มีศักยภาพมากๆ แต่ติสถ์สุดๆ 

คนกลุ่มนี้ จะมีความเอาแต่ใจสูง  ต้องรู้จักสั่งงานเป็นที่ไม่ไปดูถูกเนื้องานเค้า

จะเจอคนที่มีศักยภาพกลางๆ อันนี้ ก็จะเป็นเรื่องของนิสัยล่ะ 

ว่าพร้อมเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพตัวเองแค่ไหน 


หน้าที่ของผู้บริหารที่มาจัดการความวุ่นวายเหล่านี้ 

คือเป็นการจัดระเบียบคน ให้อยู่ในที่ทางที่เหมาะสม 

บางคนเน้นเรื่องผลตอบแทนเป็นหลัก บางคนเน้นเรื่องสนุก 

บางคนเน้นเรื่องการให้เกียรติ บางคนเน้นเรื่องอำนาจ บารมี

หน้าที่ของเรา คือ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แล้วหาจุดลงตัวให้เจอ 


สิ่งสำคัญที่จะต้องระวังอีกเรื่องไม่แพ้กัน คือ ต้นทุนแฝง

บางคนที่เจอ พังเพราะลืมคิดเรื่องต้นทุนแฝง สรุปทำไปมาขาดทุน


การบริหารจัดการเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ 

เพราะเวลาที่เราดูงานหลายโปรเจค จะเป็นเรื่องที่ใน 1 วัน อาจจะต้องคำนวนเวลาดีๆเลย

สิ่งที่เจอและเป็นปัญหากับเรื่องนี้ คือ คนที่ไม่ตรงต่อเวลา และไม่เป็นตามคำพูด

นั่นคือเป็นเรื่องปกติเลย  หน้าที่ของเราก็คือ เรียนรู้พฤติกรรมผู้คน

และจัด Level อีกที เพื่อการทำงานที่ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผนงานสำรอง ที่จะมาทดแทน


การเป็นผู้บริหาร เท่าที่เรียนรู้มาทั้งหมด จะแบ่งเป็นส่วนสำคัญหลักๆ 

1. ต้องมองภาพกว้างให้เป็น  หมายความว่า จะต้องมองภาพโดยองค์รวมให้ออกว่า จุดสำคัญของเนื้องานอยู่ที่ตรงไหน ทิศทางงานจะไปยังไงเพื่อจะเอามาเขียน Timeline งานให้ได้ แล้วหาจุดระวังให้เจอ และมองหาจุดแก้ในส่วนที่ระวังให้ออก  เป็นต้น

2. ต้องสั่งงานคนเป็น หรือหากคุยกับคนไม่ได้ ก็ต้องหาตัวตายตัวแทน ที่เราสื่อสารได้แล้วให้คนนั้นเป็นคนสื่อสารแทนเราทั้งองค์กร   นี่คือสิ่งสำคัญมากๆ เพราะบางครั้งเราไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง แต่มีคนที่เก่งกว่าเราในแต่ล่ะด้าน ก็ให้คนที่เชี่ยวชาญด้านนั้น พูดคุยกัน คนที่ทำงานด้านตรงสาย จะฟังคนที่มีความรู้โดยตรง มากกว่าผู้บริหารที่ไม่มีความรู้  ส่วนคนที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง ก็คือคนที่เป็นคนประสานและเปลี่ยนภาษาทางเทคนิคให้เป็นภาษามนุษย์ 

3. หาคนเก่งในแต่ล่ะด้าน มาเป็นคนทำงานให้เรา จะสร้างเมืองทั้งเมืองได้ เราคง One Man Show ไม่ได้ สิ่งที่เราทำคือ หาทรัพยากรที่เก่งและเชี่ยวชาญ และมอบหมายให้ทำงานในเนื้องานที่แต่ล่ะคนถนัด

4. หาพันธมิตรที่ดี 

5. อย่าสร้างศัตรู

6. ไม่สร้างภาระเยอะ







วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2565

Start New Life


หลายๆครั้งที่เราเจอปัญหากับชีวิตหนักๆ หลายๆเรื่อง ที่มันถาโถมเข้ามาใส่

ยิ่งคิดถึงปัญหา จึงมีปัญหาอื่นๆมากมายตามมา 

มันไม่ง่ายเลยที่จะออกจากปัญหา ถ้าเราดึงใจเราออกจากปัญหาไม่ได้ 

สิ่งที่ตามมา นั่นก็คือ ใจเราจะจมไปพร้อมกับปัญหา 

และความมืดมนมันจะตามมา 

แล้วความท้อแท้ สิ้นหวังของชีวิตจะตามมา แล้วจะกลายเป็นเอฟเฟคโดมิโน่ 


สิ่งที่ทำได้ ณ เวลา ตอนนั้น คือ การหยุดนิ่ง

ใช่แล้ว บางครั้งเจอเรื่องหนักๆ มาเยอะ เครียดใช่ไหม คิดมากใช่ไหม

แค่หยุดนิ่ง หยุดเคลื่อนไหว พักกาย พักใจ 

ให้รู้สึกใจเรานิ่งพอที่จะสามารถใช้พลังงานต่างๆในทางที่ถูกได้ 

แล้วก็ค่อยๆ ใช้สติ มองไปที่ปัญหาแต่ล่ะจุด  


หาต้นเหตุของปัญหา แล้วค่อยๆแก้ไป  เราจะเจอปัญหาที่แก้ได้และแก้ไม่ได้ 

ยอมรับกับปัญหาทุกอย่างที่เราเจอ  ไม่ว่าจะหนักแค่ไหน ถ้าจะผ่านมันไป ก็แค่ยอมรับ 

แล้วก็จะเริ่มทำการปลดปล่อยปัญหาเหล่านั้นออกไป 


บางปัญหา เป็นปัญหาของคนอื่น ไม่ใช่ของเรา แต่เราดันไปทุกข์กับเค้า 

เพราะเราดันไปเป็นห่วงชีวิตของเค้ามากเกินไป  ต้นเหตุคือการห่วง ก็แค่หยุดห่วง 


แล้วค่อยๆ กลับมาดูแต่ล่ะ ปัญหา แต่ล่ะเรื่อง แล้วแก้ไปทีล่ะเรื่อง

ปัญหาไหน ไม่ใช่ปัญหาเรา ก็แค่ปล่อยวาง 


แล้วกลับมาเริ่มที่ตัวเองใหม่  บางครั้งปัญหาหลายๆอย่างเข้ามาถล่ม

ตอนที่เราไม่มีสติกับมัน  อารมณ์ มันก็จะพักพาทำลายได้ทุกสิ่ง


เคลียร์ไปทีล่ะเรื่อง วางไปทีล่ะอย่าง

พัฒนาตัวเองไปทีล่ะด้าน  ไม่ต้องรีบวิ่ง 

ค่อยๆเดิน ค่อยๆเรียนรู้  ไปทีล่ะเสต็ป  


เมื่อมีปัญหา อย่าจมกับมันนาน เดี๋ยวความสิ้นหวังจะเกาะกิน 

แต่จงเรียนรู็ และค่อยๆ ทำความเข้าใจ หาทางแก้ไปทีล่ะอย่าง


หาชีวิตเราให้เจอ  แล้ววาดภาพลงไปในหัว 

ค่อยๆทำในสิ่งที่เราวาด ในทุกๆวัน 


แม้ความขี้เกียจ หรืออุปสรรคใดใด จะเข้ามาขวางกั้น  จงทำมันให้ได้ซ้ำๆ ในทุกวัน 

แล้วมันจะค่อยๆ เห็นพัฒนาการของจิตเอง 


เดินต่อไป.....นักเดินทางตัวน้อยๆ