วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป


ตื่นมายามเช้าตรู่  คุยกับพี่ว่า อยากซื้อเครื่องซักผ้าให้พ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัดเน้อ
พี่เช็คว่าถ้าขับบรรทุกกับไป รถจะบอบช้ำได้
ถ้าซื้อที่ต่างจังหวัดเลย ก็คงจะราคาพุ่งไปเกือบเท่าตัว



และแล้วเช็คไปมา เราก็ตกลงปลงใจกับ น้องด้าเป็นที่เรียบร้อย
ไม่ถึงกี่อึดใจ  รูดบัตรไป หลายพัน ช็อปปิ้ง เสร็จสมบูรณ์

เออเน้อ  นี่เราเข้าสู่ยุคที่ อยู่บ้านก็เสียตังส์ได้แล้วสินะ
ความสะดวกสบายเข้าครอบงำ 
เส้นทางการใช้จ่ายเงิน ก็เปลี่ยนไป

จากที่แต่ก่อน เราจะต้องเดินไปห้าง สมัยนี้ แค่คลิก เปรียบเทียบหลายอย่าง
ดูรีวิว ดูราคา ดูการทำงาน กดสั่ง รูดปรืดเดียว
มันนี่ บินออกจากกระเป๋าแล้ว 

ต่อไปก็จะง่ายขึ้นเรื่อยๆ  รอดูการเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้พฤติกรรมนี้เริ่มซึมซัมไปที่คนหลายวัยกันละ

ช่องทางการทำเงิน ทางออนไลน์มีอยู่มาก
มองว่าคนกระโดดเข้ามาเยอะ คู่แข่งเยอะ  อาจจะรู้สึกท้อ
แต่ถ้ามองว่า โอกาสยังมีอยู่มหาศาล ไม่ใช่แค่ที่บ้านเรา แต่ทั่วโลกก็มีพฤติกรรมนี้

เรียกว่า พฤติกรรมมนุษย์เปลี่ยนไปทั่วโลก  โลกใกล้ชิดกันมาก
แค่ทำยังไงให้เรา เข้าไปอยู่ในช่องว่างของโอกาสนั่นให้ได้ก็พอ

คิดให้แตกต่าง แล้วจะเห็นโอกาสมากขึ้น
เดินต่อไป นักเดินทางตัวน้อยๆ

@...Miiez...@

เขาค้อ ภูทับเบิก ธรรมชาติที่สวยงาม


เขาค้อ ภูทับเบิก ธรรมชาติที่สวยงาม


อากาศเริ่มหนาวแล้วสิน้า การกลับไปชื่นชม สัมผัสกับธรรมชาติคงจะดีไม่น้อยเลย
จิตใจเรา พบเจอผู้คน น้อยใหญ่ จิตใจมนุษย์มามากมาย
หันกลับมาดูจิตตัวเอง แล้วสัมผัสกับธรรมชาติ น่าจะตอบโจทย์อะไรเราได้บ้าง

เมื่อไปถึงดินแดนแห่ง เพชรบูรณ์  วิวสำหรับค่ำคืนนี้


ถ่ายภาพจากมุมห้องพัก ช่างดูสบายตาเหลือเกิน ลมโบกพัดโชยมาหนาวเย็นยะเยือก
เหมือนได้มีโอกาสพักผ่อน พักสายตา มองระยะไกล

ห้องพักค่ำคืนนี้ ก็ชื่นชอบดีน้า มี 2 ชั้น ชอบการจัดวางมุมห้อง
เก็บเป็นไอเดีย ไว้แต่งห้องนอนที่บ้านได้ 



ขับตระเวนแถวๆนี้ไม่ไกลนัก เพราะมาถึงก็จะมืดค่ำแล้ว พรุ่งนี้ได้ออกตระเวนต่อ


เช้าตรู่รุ่งขึ้น เราก็ได้ไปชมวิว แถว Pino latte  ลมแรงมาก เรียกได้ว่าหนาวสั่นยามเช้าเลยละ
หูชาเลยที่เดียว  วิวยามเช้าก็สวยดีนะ แต่ชอบที่ได้นั่ง แล้วลมพัดแรง สัมผัสลมกับกาย รู้สึกดีจัง




หลังออกจากที่พัก ก็เริ่มตระเวนละ ไปไหนดีละ เขาค้อไง ทุ่งบ้านกังหันลม 


ยังไม่เคยมานิน่า ระหว่างทางก็มีทางเนินขึ้นสูงบ้าง  บางช่วงก็ไม่ใช่ทางลาดยาง
มีโอกาสได้ใช้เกียร์ 4WD บ้างละ  ขึ้นไปก็เจอกังหันลมอันใหญ่ หลายอันเลย
มีตลาดเล็กๆ ขายของชาวบ้านแถวนั้น มีชิงช้าให้ได้เล่น มีวิวให้ถ่ายรูปสวยๆเพี้ยบเลย
ยังมีชิงช้าสวรรค์แบบชาวบ้านที่ใช้คนหมุนถึง 3 คนด้วยกัน ค่าขึ้นคนละ 50 บาท หมุน 10 รอบ
สนุกมากเลยละ  ไม่ได้หวาดเสียวนะ  สามารถบอกช้าเร็วได้ เพราะใช้คนหมุน




อากาศที่นี้ก็กำลังเย็นๆ สบายๆ ไม่ถึงกับหนาวเย็นมากนะ 
ได้สตรอเบอรี่ มา 2 กล่อง ราคา ก็มีตั้งแต่ 100 150 200 บาทนะสำหรับที่เขาค้อ

ป่ะ ภูทับเบิกกันต่อละ ที่นี้ได้ยินเสียงล้ำลือมานานมาสวยงาม
ไม่มาเจอกับตัวเองก็คงไม่มีทางรู้ว่าสวยงามยังไง 

ระหว่างทางที่ขับขึ้นไป  ถนนคดโค้ง ภูเขาสลับไปมา ยิ่งขึ้นสูงยิ่งหนาวและสวย
ไปมาหลายที่ เห็นมาหลายที่ ก็ยอบรับว่าที่ภูทับเบิก สวยจริงๆ 
เป็นธรรมชาติที่สวยงามมากนะ  อธิบายไม่ถูก รู้แค่ว่า อยากมาสัมผัสอีก


 จุดชมวิวที่โคตรสวย ถ่ายภาพมายังไงก็เก็บได้ไม่หมดจริงๆ  
อยากนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว มองออกไปตราบนานเท่านาน ธรรมชาติช่างงดงามเหลือเกิน
ได้แต่มองเก็บภาพไว้ในความทรงจำ บุ๊คไว้ว่าอยากจะกลับมาที่แห่งนี้อีก

ขับไปเรื่อยๆ จนถึงภูทับเบิก หมอกลงเต็มที่มาก 



เวลายามนั้น ประมาณ บ่ายโมงกว่าได้มั้ง ลงเดิน ชมชุมชน 
หมอกยังลง อากาศหนาวมากเลยละ น้ำมูกเริ่มจะไหล 
แต่ก็ขอชิมรสชาติ อาหารที่บนดอยสะหน่อย ชิมไป หนาวไป 



สรุปการเดินทางไปเที่ยวครั้งนี้ ได้พลังโอโซนกลับมาเต็มปอดเลยละ 
รู้แค่ว่า เราคงได้ไปที่นี้อีกครั้งแน่ๆ ประทับใจทั้งอากาศและทิวทัศน์
ได้ผักผลไม้ บนภูกลับมาเต็มเลย 

การเดินทางคือการเรียนรู้ ใช้ชีวิตให้เต็มที่
ทำงานจริงจัง เที่ยวก็จริงจัง แบ่งพาร์ทของชีวิตให้ดี

ไม่ต้องดีที่สุดของใครอื่น แค่ดีที่สุดในจุดที่ยืนก็พอแล้ว
มีความสุขแบบเรียบง่าย ใช้ชีวิตให้เรียบง่ายก็พอ

เดินต่อไป นักเดินทาง ตัวน้อยๆ 

@...Miiez...@

วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ครั้งหนึ่งในชีวิต


วันนี้มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมากมาย
อยากบันทึกเอาไว้เป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดี


วันนี้ได้มีโอกาสไปชมนิทรรศการพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง
ได้รับน้ำใจจากพี่ชายที่ใจดี อาสาพาไป และยังมีน้องสาวที่น่ารักอีกคนไปด้วยกัน

เนื่องด้วยเป็นวันธรรมดา คนเลยไม่มากนัก
ทำให้เราสามารถเข้าไปชมความงดงามตระการตาได้ไว รอไม่นานนัก

ภาพแรกที่เห็น จากระยะไกล มันดูงดงามมาก
ผู้คนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนสูงวัย มาด้วยใจที่ยังมีความอาลัย

ศิลปะความงดงาม จากจินตนาการ บางอย่างก็ลึกล้ำเกินกว่าจะเข้าใจได้
ที่ประทับใจจากหัวใจเลย คือเวลาเรามองดูเด็กนักเรียน
ที่วิ่งเข้ามาชม ถ่ายภาพต่างๆ นานา ทำให้เราอดนึกถึงตอนเรายังเป็นวัยเด็กมิได้
ยามนั้นถ้าไปเที่ยวงานนิทรรศการ คงไม่รู้สึกว่าน่าสนใจมากเท่ากับตอนนี้

เด็กน้อยที่มองดูด้วยความจดจ้อง หรือบางครั้งอาจจะต้องกลับไปทำสรุป
แต่เด็กน้อยที่วิ่งซน ก็มีการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย คือการเก็บภาพไว้ก่อน
เนื่องด้วยเวลาจำกัดแค่ 1 ชม. เท่านั้น เด็กๆบางคนก็เดินชมตามประสา

บางคนก็คุยจ้อเลย บางคนก็ตื่นตาตื่นใจ บางคนก็เดินตามคุณครูติดแจ่สอบถามไปเรื่อย
มองแล้วช่างน่าเอ็นดูจริงๆนะ  เมื่อมองเห็นเด็กน้อยใหญ่ สิ่งที่เห็นต่อมา

คือคนสูงวัย บางคนนั่งรถเข็นก็มา บางคนมากับลูกหลาน
ชมพร้อมบอกถึงคุณงามความดีของในหลวง ร.9 ให้ลูกหลานฟัง
หรือบางคนมาเป็นกลุ่มสูงวัย แล้วมองดูไป พร่ำพูดไปถึงท่านมากมาย

อีกส่วนที่ประทับใจ คือทีมงานอาสาสมัคร ที่มาดูแลพื้นที่ด้วยใจ
เราได้ความรู้จากพี่ๆ อาสาสมัคร จาก ศิลปะบางส่วน ที่เล่าให้ฟัง
ว่าส่วนนี้นั่น ทำมาจากอะไรบ้าง  อธิบายตรงจุดนั้นให้ฟัง ด้วยใจเย็นมาก

รู้สึกดีจัง และหลังเข้าชมงาน น้องสาวที่น่ารัก ก็ยังพาไหว้พระ นั่งสมาธิที่วัดแถวนั้น
และยังได้ไปเที่ยวชม ม.ศิลปากรด้วยละ

สรุปวันนี้ทั้งวัน มีความสุขแบบได้เห็นโลกอีกใบ
เห็นความสุข จากผู้คน ที่มาชมนิทรรศการ
เห็นความสุขในใจเรา ที่สงบนิ่ง และเย็นใจ

สุขที่อยู่ตรงหน้า คือสุขปัจจุบัน ขณะ
ชื่นชอบกระทำอย่างไร จิตเราจะใฝ่หา และกระทำอย่างนั้น

เดินต่อไป นักเดินทางตัวน้อย ๆ

@...Miiez...@

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

มีเรื่องราวผ่านพบ มีเรื่องราวจดจำ


มีเรื่องราวผ่านพบ มีเรื่องราวจดจำ
บางเวลาของชีวิตดูเงียบเหงา
บางเวลาของชีวิตดูยุ่งเยิ่ง
บางเวลาของชีวิตดูมีความสุข
บางเวลาของชีวิตดูมีความเศร้า
บางเวลาของชีวิตดูน่าเบื่อหน่าย
หลายช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะสุข เศร้า เบื่อ หรืออารมณ์ใดๆ
ล้วนแล้วมาประกอบกันเป็นหนึ่งชีวิตคน



ทุกเรื่องราวไม่ว่าร้ายหรือดี ก็กลายเป็นอดีตทุกช่วงวินาที
บางคนจดจำเรื่องไม่ดีของชีวิตแล้วเอามาย้ำเตือนเป็นบทเรียน
บางคนจดจำเรื่องดีๆแล้วมีความสุขกับอดีต
บางคนจดจำเรื่องไม่ดีของตัวเองแล้วเอามาซ้ำเติมชีวิต
บางคนจดจำเรื่องดีๆเพื่อจะสร้างเรื่องดีๆต่อไปในอนาคต

อดีตที่ไม่ดีคือบทเรียนของชีวิต
อดีตที่ดีคือบทเรียนของชีวิต
อดีตคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแก้ไขไม่ได้
ไม่ว่าจะร้ายหรือดี ก็คือบทเรียนในชีวิตเราทั้งนั้นแหละ
เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นจะสอนให้เรารู้ว่าควรจะกระทำแบบไหนในอนาคตที่จะไม่เจอเหตุการณ์ซ้ำ
เรื่องดีๆที่เกิดขึ้นจะสอนให้เรารู้ว่ากระทำแบบนี้แล้วเกิดสิ่งดีๆอะไรขึ้นบ้าง
เพื่อจะได้สร้างสรรคสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่อย่าได้คาดหวัง แค่ทำปัจจุบันให้ดีก็พอ

ความสุขความทุกข์เป็นของคู่โลก
มีสุขมีทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา คลุกเคล้ากันไป เป็นรสชาติของชีวิต
อย่ายึดติดกับสุขไม่งั้นจะทุกข์เมื่อความสุขหายไป
อย่าแบกทุกข์ทั้งโลกไม่งั้นจะทุกข์อยู่ทุกเรื่องหาทางออกไม่เจอ

ทุกชีวิตมีเรื่องราว ทุกชีวิตเกิดมาสร้างเรื่องราว
เรื่องราวที่สร้างจะจาลึกไว้บนพื้นโลกใบนี้ให้กับคนรุ่นต่อไปได้พูดถึง

สร้างสิ่งดีๆให้กับตัวเองและผู้คน
เรียนรู้ชีวิต เรียนรู้สิ่งที่เป็น
แล้วเราจะเข้าใจชีวิตโลกมากขึ้น

เดินต่อไป.....นักเดินทางตัวน้อยๆ

@...Miiez...@

เรื่องร้ายมักมีเรื่องดีเสมอ



น่าน เอาแล้วไงละ เดี๋ยวความเลิ่นเล่อ เผลอกด Run โปรแกรม
ทั้งๆที่ ยังไม่ได้ดูว่า ดาวโหลดอะไรมา  งานเข้าเลยทีเดียว
 


ไวรัสลงเครื่องเลย  ยังพอสติดีที่รู้ว่านี้คือไวรัส
เพราะที่Install มาลงแต่ละอัน มันไม่ใช่โปรแกรมที่เราต้องการ
ทั้งโปรแกรมเกมส์ ขึ้น Desktop ในหน้าจอ ผุดมา 3 ไฟส์

ตอนนั้นคิดได้ทันว่า เฮ้ย ซวยละ ไวรัส
สติมาทันที อินเตอร์เน็ต ต้องรีบตัดช่องทาง ไม่ให้ไวรัสเข้ามามากกว่านี้
ดึงสายแลนที่ต่อกับคอมออกทันที

แล้วเริ่มตั้งสติ ว่าจะทำไงดี หน้าจอก็เกิดอาการแฮงค์ๆ ชั่นขณะ
ใช่แว้วว  ลบโปรแกรม เข้าไปที่ Add or remove program 
แล้วนั่งไล่ลบ  บางอันลบได้ บางอันลบไม่ได้ แล้วก็รีสตาร์คอม
โปรแกรมไม่พึงประสงค์ออกไม่หมด  ฮ่าๆ  งานเข้าของจริงเลยทีนี้

ทำไงต่อหรอ คุณเพื่อนที่เราเคยช่วยให้คำปรึกษาเมื่อสัปดาห์ก่อน
เพิ่งไปเจอมา เป็นนักซ่อมคอมนิน่า อ่ะโทรขอความช่วยเหลือทันใด
แม้เพื่อนเราจะกำลังขับรถอยู่ ก็ยังมีน้ำใจบอกว่า เดี๋ยวเค้ากลับถึงบ้านแล้วจะรีบโ?รมา
มันต้องใช้หลายขั้นตอนเลย

หน้าจอตอนนั้น มีการฟ้อง เออเร่อ ของวินโดว์
แล้วก็เครื่องอืดมาก เช็ค Task Manager ก็CPU ใช้เต็ม 100 % เลย
ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ เดี๋ยวเมนบอร์ดเราจะพังสะก่อน

ระหว่างรอเพื่อนโทรมา ก็ช่วยเหลือตัวเองก่อน
นั่งไล่ลบไฟส์ที่เกิดช่วงเวลานั้น  ไล่ตามหายังกะเป็นนักสืบจับไวรัส
เช็คใน Task Manager อันไหนดูแปลกๆ กดดูที่มา
ถ้าไฟส์นั้นรันสร้างเวลาที่เกิดก็ กดให้หยุดทำงานแล้วก็ลบทิ้งสะ

ลบไฟส์ไป ก็ไม่รู้เผลอไปลบอะไรบ้างเน้อ
ในระหว่างนั้นก็ส่งภาพความเคลื่อนไหว ให้เพื่อนไปทางไลน์ตลอด เพื่อนจะได้รู้ว่าเกิดไรขึ้นแล้ว
พอเพื่อนถึงบ้าน ก็บอกอันนี้มันไม่ใช่ไวรัสนิ มันฟ้องว่าไฟส์วินโดว์มีปัญหา
แล้วก็Team View มาช่วยแก้ปัญหาให้  รู้สึกขอบคุณเพื่อนมาก
เพื่อนเสียเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ในการซ่อมไฟส์ที่เสียให้เรา แล้วก็ลบไฟ์โฟลเดอร์ที่ลบไม่ได้ให้
แต่มันเหลือ ป็อปอัฟ โฆษณา เวลาเปิดคอมแล้วดีดขึ้นมา
มันก็ดึกแล้วแหละ เพื่อนเราเลยบอกติดไว้ก่อนนะ 

ตอนนั้นงานเรายังไม่ได้แตะเลย รู้สึกไม่ปลอดภัย 
พยายามที่จะไม่เข้าอะไรที่ต้องใส่ยูเซอร์ พาสเวิร์ดเลย
รุ่งเช้า เราก็มางมเข็มต่อ ลุยเองเลย  แต่รู้สึกว่าเครื่องมันยังหน่วงอยู่
ก็ไปเจอไวรัส Log on.exe เข้า น่านไง เครื่องหนึ่ง ไฟส์นี้ต้องมีแค่ 1 อยู่แล้ว
เลยลบ เครื่องเบาลงทันที แต่ป็อปอัฟ ตอนเปิดคอมยังไม่หาย
เจ้าวายร้าย ที่นี้นั่งลบ IE ทิ้งเลย สรุปไม่หาย ไปผุดในจิ้งจอกแทน
น่านไง ฝังลงเครื่องละ  แล้วพอไปเปลี่ยนค่าใน Regedit  เฮ้ย มันหาย

แต่ยังรู้สึกว่าเครื่องยังมีอาการหน่วงอยู่ เหมือนออกไปไม่หมดแหะ
เลยลง IE เข้าไปใหม่ น่าน มันกลับมาอีกแล้ว  งมไป 4 ชม. ได้มั้ง เช้านี้
โอเค บางครั้งเราก็ต้องรู้จักขอความช่วยเหลือบ้างเน้อ

เลยทักถามคนที่ดูน่าจะซ่อมคอมเป็น  น้องเค้าตอบกลับมาว่า พี่ผมไม่เป็นเลย
แต่ผมรู้จักคนหนึ่ง เค้าทำเป็น ก็ให้คอนแท็คมา คือรู้สึกขอบคุณน้องมาก
แล้วพอจะไปคุยกับคนที่น้องเค้าส่งคอนแท็คมาให้
โลกมันกลมดีนะ  เค้าเป็นลูกศิษย์เราเอง  ก็ส่งข้อความไปแจ้งปัญหา
พอน้องเค้าอ่านไลน์เสร็จ โทรไลน์มาหาเราทันทีเลย  ขอบคุณมากเลย
ก็คุยกัน เล่าปัญหาที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ เค้าก็เลยบอกให้โหลดโปรแกรมสแกนไวรัสตัวหนึ่ง
ตอนนั้นก็บอกน้องเค้าไปว่า ขอลิงค์หน่อยสิ ตอนนี้กลัวละ ไม่กล้าโหลดมั่วเลย 555
น้องเค้าก็ใจดีมาก  ส่งลิงค์โปรแกรมมาให้เรา
แล้วยังบอกอีกว่า ถ้าอาการยังไม่หาย พี่ใหม่โทรหาผมได้เลยนะ

สรุปลงเสร็จปุ็บ ไวรัสเราโดนกำจัดเลย ก็่ส่งข้อความไปแจ้งผลและขอบคุณน้องเค้า
และสแกนไวรัสในเครื่องต่อ มาเต็มเลย ไวรัสหลายตัวเลย
ทั้ง แอดแวร์ มัลแวร์ โทรจัน เพิ่งรู้ว่าเครื่องเรามีไวรัสก็คร่าวนี้ละ
ยอมเสียเวลาปล่อยให้เครื่องมันสแกนไปเลย 

สิ่งที่ได้จากครั้งนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า อย่าเผลอกดรัน ถ้าไม่ได้เห็นข้อมูลก่อน
สติสำคัญที่สุด  ถามหาจากผู้เชี่ยวชาญ ดีกว่า นั่งงมเข็มเองให้เสียเวลา
มิตรภาพที่จริงใจ จะช่วยเหลือเราได้จริงๆ

ยังคงขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือเราในเหตุการณ์ครั้งนี้
และขอบคุณเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ทำให้เกิดเรื่องดีๆที่เราประทับใจ

ทุกเรื่องร้ายมักมีเรื่องดีเกิดขึ้นเสมอ 
The Bad Time will show up Best Thing

ขอบคุณทุกๆคนจริงๆ
บันทึกไว้เป็นเรื่องราวที่น่าจดจำ นักเดินทางตัวน้อยๆ

@...Miiez...@


วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

วันสติฟุ้งๆ ของนักเดินทาง


จิตหยุดนิ่ง จิตรับฟังเสียงความคิด
เสียงที่ฟุ้งซ่านในหัวมันก็หายไปดื้อๆเอาสะเลย



แปลกใจในตัวเองครั้งนี้จังเลย
แต่ก็ได้ข้อสรุปหนึ่งว่า
ยิ่งนึกคิด ยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งจินตนาการ
พอนั่งนิ่งๆ  มานั่งคิด จะสรุปความฟุ้งซ่าน
ความคิดฟุ้งซ่านที่วาดภาพในหัว และเสียงสะท้อน ก็พลันหายไป

แต่กลายเป็นคิดไม่ออก พอสั่งให้จิตมันคิด
เหมือนโดนตีและหยุดแบบงงๆ มึนๆ และสตั้น

แบบนี้คือควรเรียกมันว่าอะไรดี
พายุความคิดที่ถาโถม สงบลง อืมนั่นละ
น่าจะเป็น คำนิยามที่เข้าใจสำหรับตัวเราเองได้

จินตนาการ กับความฟุ้งซ่าน อยู่ใกล้เคียงกันมากเลย
แต่ทั้ง 2 อย่าง เกิดจากความนึกคิดของจิตทั้งคู่

รู้ให้ทันในความคิดเรา และ ดูให้ออกว่าจิตมันคิดอะไร
ดูว่าจะหยุดตอนไหน มองให้ทัน ไม่ต้องไปบังคับนะ
ปล่อยให้จิตมันคิดไหลไป แล้วนั่งดู เชื่อม่ะ อยู่ๆก็หยุดเองดื้อๆ
อาการเหมือนจิตอีกตัวเพ่งไปที่ความคิด
อธิบายไม่ถูกแหะ  แต่ลองดู 55

วันสติฟุ้งๆ ของนักเดินทาง
เดินต่อไปนักเดินทางตัวน้อยๆ ^^

@...Miiez...@

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สติกับปัญหา


เวลาเกิดปัญหา เชื่อไหมว่า เราสามารถเห็นสติและไหวพริบของคนได้เลยละ
คนส่วนใหญ่ มักจะพูดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว มากกว่าจะมองปัญหาตรงหน้าแล้วแก้ไข



ถามถึงอดีตที่พลาด และมั่วแต่นั่งโทษคนนั้นไปมา
แทนที่จะเอาเวลาในการหาว่าใครผิด สมองในการคิดย้อนกลับ
ทำไมถึงไม่ใช้เวลาเหล่านั้นมาหาวิธีว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไร

ในเมื่อปัญหาเกิดแล้ว หาคนผิดก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา
หาวิธีแก้ปัญหาให้เสร็จก่อน แล้วให้ทุกฝ่ายใจเย็นลง
ค่อยกลับมามองเหตุของปัญหา แล้วค่อยบล็อคปัญหาที่จะเกิดขึ้นในครั้งต่อไปดีกว่า

การที่จะแก้ปัญหาตรงหน้าได้
ส่วนหนึ่งคือไม่สร้างปัญหาที่มีอยู่แล้วให้เพิ่มมากขึ้น
ฝ่ายที่ผิดก็รู้สึกกลัวในใจอยู่แล้ว ใจเป็นมด ยิ่งดุด่า อาจจะยิ่งเสียกำลังใจมากไปสะเปล่าๆ

ไม่ว่าปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
จะให้เป็นฝ่ายคนทำ เป็นฝ่ายผิดคนเดียวก็คงไม่ใช่
เพราะการทำงานร่วมกัน คือการรับผิดชอบร่วมกัน
สิ่งที่พลาดของคนมอบหมาย คือการไม่ตรวจสอบงาน
พอผิดพลาดขึ้นมา ก็ไม่สามารถที่จะบอกว่า ฝ่ายคนทำเป็นฝ่ายผิดฝ่ายเดียว จริงไหม
รับผิดชอบและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไปร่วมกัน และกันปัญหาในอนาคตดีกว่า

การทำงานทุกอย่างมักมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่แล้วละ
ถ้าไม่พบปัญหานี่สิแปลกน่าดูเลยละ 
โลกของการทำงาน ก็แค่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกๆครั้ง
ยิ่งเราแก้ปัญหาที่ยากได้มากขึ้นเท่าไหร่  เราก็มีประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้น

อย่ากลัวที่จะเจอกับปัญหา แต่จงกล้าที่จะเผชิญปัญหาอย่างมีสติ
ทุกเส้นทางเดินคือบทเรียนในชีวิต
ทุกปัญหาที่เจอคือบททดสอบที่จะก้าวไปอีกเสต็ป

ทุกย่างก้าวของชีวิตคือการเรียนรู้
การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด.....นักเดินทางตัวน้อยๆ

@...Miiez...@