วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2561

คำพูด


คำพูดมันมีความหมายมีพลังในตัวของมันเอง
ผู้คนใช้ถ้อยคำในการสื่อสารกัน



เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้สึก จินตนาการ และความคิดแก่กัน
ดังนั้นการใช้ถ้อยคำที่ไม่ทันคิด หรือคิดน้อย
อาจจะพลั้งเผลอที่สร้างความรู้สึกและจินตนาการแก่คนฟังโดยไม่รู้ตัวได้เฉกเช่นกัน

เจอผู้คนที่มาสอบถามหลายคนในเรื่องนี้
เล่าเหตุการณ์ที่เกิดให้ฟัง
บางครั้งถ้อยคำบางคำที่เราไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องผิด
แค่ฉุกคิดอยากจะพูดเพื่อเตือนสติอีกฝ่าย

มันก็กลับกลายไปสร้างรอยแผล
และเกิดเป็นความบาดหมางกัน
เพียงเพราะบางคำพูดกระทบกับจิตใจของคนนั้น
ถึงแม้บางครั้งจะเป็นความจริง
แต่พูดได้เลยว่า น้อยคนนักที่จะยอมรับความจริง
และจะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองผิด

เพราะโดยพื้นฐานของจิตมนุษย์แล้ว
มักไม่ค่อยยอมรับความผิดตัวเองหรอก
และก็จะโกรธกริ้วโมโหที่มีคนมาพูดกับตนว่าไม่ดี
บางคนก็ดีดสะท้อนกลับให้เห็นในทันตา
ไม่ว่าจะทะเลาะวิวาทเพียงเพราะหนึ่งคำพูด
จึงสะท้อนคำพูดไปถึงสิ่งที่ไม่ชอบที่อีกฝ่ายกระทำ

บางคนก็เอาไปนินทาอีกฝ่ายว่าร้ายต่อหน้าทำพูดจาดี
เพียงเพราะไม่ชอบใจในหนึ่งคำพูดที่ว่ากล่าวตน

และน้อยคนนักที่จะเก็บคำพูดที่คนอื่นพูดในทางไม่ดี
ไปนั่งคิดพิจารณาและปรับปรุงนิสัยที่ไม่ดีของตน

ดังนั้นแล้วไซร้ คำพูดจึงเป็นหนึ่งในศาสตร์และศิลป์ที่ควรศึกษา
กับคนบางคนถึงจะสามารถพูดตรงๆได้
แต่ต้องรู้จักดูจังหวะและโอกาสด้วยเฉกเช่นเดียวกัน
กับบางคนนิ่งไว้เสียและปล่อยผ่านไปดีกว่า

มิฉะนั้นแล้วพูดแบบไม่ทันคิด
ก็อาจต้องเจอเหตุการณ์แบบไม่ทันตั้งตัวได้เช่นกัน

เป็นกำลังใจให้กับนักเดินทางทุกคน
เดินต่อไปนะ.....นักเดินทางตัวน้อยๆ

@...Miiez...@

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561

การเดินทางผ่านห้วงเวลาความคิด


เวลาที่คนเราเดินทางผ่านห้วงแห่งกาลเวลาของความคิดไป
จะเห็นได้ว่า คนเราตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ



ด้วยจินตนาการโลดแล่นอยู่กับตัวเอง
ด้วยความคิดบางอย่างที่อยู่ในขณะประมวลผล

จิตที่มันนิ่งอยู่กับตัวเอง
มันมีคำถามปนสงสัยในบางสิ่ง
มันมีความกังวลในบางเรื่อง
มันมีความคาดเดาไปต่างๆนานา
จิตมันนิ่งคิด กายภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง

มันคือการเดินทางเข้าสู่ห้วงของกาลเวลา
นั่นคือเข้าสู่อดีตและอนาคต
จากเหตุการณ์ในอดีต สร้างภาพความกังวลในอนาคต
แล้วเกิดการคาดเดาไปต่างๆนานา
เกิดความสับสนในจินตนาการ
เกิดความฟุ้งซ่านในจิตใจ
เกิดความคาดหวังในอนาคต

เมื่อเราได้รับรู้ความเคลื่อนไหวทางอารมณ์ของจิตแล้ว
เราก็สามารถหยุดนึกคิดได้เพียงครู่เช่นกัน
แยกอดีต แยกอนาคต ตัดความกังวล
แล้วปล่อยให้ตัวเราเผชิญกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า

การคาดการณ์ล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ดี
แต่การคาดการณ์อย่างกังวลใจเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราทุกข์

แค่คาดเดาสถานการณ์ตรงหน้าว่าจะมีสิ่งใดเกิด
และเตรียมพร้อมจะรับกับหนทางที่เลวร้ายที่สุดในทางเดิน

แค่รู้ทางที่แย่ เตรียมรับมือ
แล้วโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แบบไร้กังวล
แค่นี้ก็ไม่น่าจะมีสิ่งใดมากระทบใจเราได้

เพราะรู้และวางเฉยเป็น
เข้าใจและเดินต่อไปข้างหน้า

ก็จะไม่ต้องกระวนกระวายใจหรือทุกข์ใจ
กับเรื่องบางเรื่องของชีวิต

ตามจริงแล้วสิ่งที่คนทั้งโลกเป็นทุกข์มิใช่สิ่งใดเลย
สิ่งนั่นคือ ความคิดของตัวเองทั้งนั้น
แล้วความคิดนี่แหละที่เป็นสิ่งกระตุ้นต่อมความรู้สึกต่อได้อีกที

จะหัวเราะ ร้องไห้ เศร้าหมอง
จุดเริ่มต้นจากประสาทสั่งการของสมองคนเรานั่นเอง
ซึ่งมันก็มาจากความคิด

แค่ใช้ความคิดให้เป็น
แล้วหยุดความคิดที่ทำร้ายตัวเองได้
จากความกังวล คาดหวัง สับสน ฟุ้งซ่านของจิต

สุดท้ายแล้ว แค่เพียงอยู่กับปัจจุบัน
เข้าห้วงกาลเวลาเพื่อใช้ความคิดคาดการณ์ไตรตรอง
ใช้สมองบางส่วนวางแผนแก้ปัญหาในสิ่งที่ยังไม่เกิด
แล้วเดินออกห้วงแห่งอดีตและอนาคต
กลับสู่ปัจจุบันกาล และดำเนินต่อไปอย่างไร้กังวล

ชีวิตคนเราก็แค่นี้เองล่ะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะ
เดินต่อไป...นักเดินทางตัวน้อยๆ

@...Miiez...@