วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561

การเดินทางผ่านห้วงเวลาความคิด


เวลาที่คนเราเดินทางผ่านห้วงแห่งกาลเวลาของความคิดไป
จะเห็นได้ว่า คนเราตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ



ด้วยจินตนาการโลดแล่นอยู่กับตัวเอง
ด้วยความคิดบางอย่างที่อยู่ในขณะประมวลผล

จิตที่มันนิ่งอยู่กับตัวเอง
มันมีคำถามปนสงสัยในบางสิ่ง
มันมีความกังวลในบางเรื่อง
มันมีความคาดเดาไปต่างๆนานา
จิตมันนิ่งคิด กายภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง

มันคือการเดินทางเข้าสู่ห้วงของกาลเวลา
นั่นคือเข้าสู่อดีตและอนาคต
จากเหตุการณ์ในอดีต สร้างภาพความกังวลในอนาคต
แล้วเกิดการคาดเดาไปต่างๆนานา
เกิดความสับสนในจินตนาการ
เกิดความฟุ้งซ่านในจิตใจ
เกิดความคาดหวังในอนาคต

เมื่อเราได้รับรู้ความเคลื่อนไหวทางอารมณ์ของจิตแล้ว
เราก็สามารถหยุดนึกคิดได้เพียงครู่เช่นกัน
แยกอดีต แยกอนาคต ตัดความกังวล
แล้วปล่อยให้ตัวเราเผชิญกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า

การคาดการณ์ล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ดี
แต่การคาดการณ์อย่างกังวลใจเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราทุกข์

แค่คาดเดาสถานการณ์ตรงหน้าว่าจะมีสิ่งใดเกิด
และเตรียมพร้อมจะรับกับหนทางที่เลวร้ายที่สุดในทางเดิน

แค่รู้ทางที่แย่ เตรียมรับมือ
แล้วโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แบบไร้กังวล
แค่นี้ก็ไม่น่าจะมีสิ่งใดมากระทบใจเราได้

เพราะรู้และวางเฉยเป็น
เข้าใจและเดินต่อไปข้างหน้า

ก็จะไม่ต้องกระวนกระวายใจหรือทุกข์ใจ
กับเรื่องบางเรื่องของชีวิต

ตามจริงแล้วสิ่งที่คนทั้งโลกเป็นทุกข์มิใช่สิ่งใดเลย
สิ่งนั่นคือ ความคิดของตัวเองทั้งนั้น
แล้วความคิดนี่แหละที่เป็นสิ่งกระตุ้นต่อมความรู้สึกต่อได้อีกที

จะหัวเราะ ร้องไห้ เศร้าหมอง
จุดเริ่มต้นจากประสาทสั่งการของสมองคนเรานั่นเอง
ซึ่งมันก็มาจากความคิด

แค่ใช้ความคิดให้เป็น
แล้วหยุดความคิดที่ทำร้ายตัวเองได้
จากความกังวล คาดหวัง สับสน ฟุ้งซ่านของจิต

สุดท้ายแล้ว แค่เพียงอยู่กับปัจจุบัน
เข้าห้วงกาลเวลาเพื่อใช้ความคิดคาดการณ์ไตรตรอง
ใช้สมองบางส่วนวางแผนแก้ปัญหาในสิ่งที่ยังไม่เกิด
แล้วเดินออกห้วงแห่งอดีตและอนาคต
กลับสู่ปัจจุบันกาล และดำเนินต่อไปอย่างไร้กังวล

ชีวิตคนเราก็แค่นี้เองล่ะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะ
เดินต่อไป...นักเดินทางตัวน้อยๆ

@...Miiez...@